|
|
|
|
สถิติการชม : 5,590 ครั้ง
|
|
พระพุทธรูปสมัยทวารวดี No.020 |
พระพุทธรูปสมัยทวารวดี ปางขอฝน |
พระพุทธรูปสมัยทวารวดี ปางขอฝน เนื้อสำริดสนิมหยก ขนาดความสูงวัดจากพื้น 54 เซนติเมตร สภาพเดิมๆยังไม่ขัดผิว ไม่มีซ่อม สนใจโทร.สอบถามได้ครับ |
|
โทร.สอบถาม 087-2233441 คุณกาญจน์ จันทร webmaster |
|
|
|
|
|
|
|
พระพุทธรูปสมัยนี้ เป็นพระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถยืน ทรงผ้าวัสสิกสาฎกหรือผ้าอาบน้ำฝน พระเกศาเป็นก้นหอย พระเนตรโปน ไม่มีไรพระศก พระโขนงโก่งติดกัน พระนาสิกใหญ่ พระโอษฐ์หนา พระกรรณยาว ผ้าสังฆาฏิสั้นเหนือพระถัน(อยู่เหนือราวนม) พระศอเป็นปล้อง พระหัตถ์ขวายกขึ้นเป็นกิริยาว่ากวักแสดงการขอฝน พระหัตถ์ซ้ายหงายรองรับน้ำฝน
ขอเล่าประวัติความเป็นมาในพระพุทธรูปปางนี้ ดังนี้
ณ เมืองสาวัตถีแห่งแคว้นโกศลได้เกิดความแห้งแล้งเป็นอันมาก ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาลจนทำให้พืชผลไร่นาล้มตาย และผู้คนขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ แม้แต่สระโบกขรณีหรือสระบัวในพระเชตวันมหาวิหารก็ยังเหือดแห้งสิ้น สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงมีพระดำริว่าจะต้องช่วยประชาชน พระองค์จึงทรงผ้าวัสสิกสาฎกหรือผ้าอาบน้ำฝนแล้วเสด็จไปประทับที่บันไดสระ ยกพระหัตถ์ขวาขึ้นกวักขอฝน ส่วนพระหัตถ์ซ้ายทำท่ารองรับน้ำฝน ทันใดนั้นก็เกิดเมฆฝนตั้งเค้ามาทุกทิศทุกทางและฝนก็ตกครั้งใหญ่จนประชาชนผู้ยากไร้รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาและระลึกคุณของพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้
ตามความเลื่อมใสศรัทธายึดถือกันมาแต่ครั้งสมัยโบราณนั้น ถ้าผู้ใดได้กราบไหว้บูชาพระพุทธรูปปางนี้เสมอๆหรือมีไว้บูชาประจำบ้านเรือนตน ผู้นั้นและบริวารก็จะอยู่เย็นเป็นสุข อุดมด้วยภักษาหารมังสาหารบริบูรณ์ยิ่งนัก หรือแม้แต่หมู่บ้านตำบลใดที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางนี้ไว้ประจำหมู่บ้านตำบล หมู่บ้านตำบลนั้นก็จะมีฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ และไม่เคยประสบกับความแห้งแล้งเลย

|
|
|
|
|
|
|
|